เธซเธ™เธฑเธ‡เธชเธทเธญเธžเธดเธกเธžเนŒ

http://phuketpost.siam2web.com/

  ประมงพื้นบ้านบุกประมงจังหวัด

   ค้านสร้างท่าเรือมารีน่าบ้านยามู

(issue1) 200968_62856.jpg

  

ตัวแทนประมงพื้นบ้านป่าคลอก เดินหน้าค้านท่าเรือมารีน่ายามูยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมประมง ระบุหากอนุญาตให้ก่อสร้างจะฟ้องดำเนินคดีทุกฐานความผิดที่ดำเนินการได้

เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 8 มิถุนายน 52 ที่บริเวณสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านป่าคลอก ได้แก่ ประมงพื้นบ้านยามู กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรฯ ป่าคลอก และกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลน 3 หมู่บ้าน (ผักฉีด บางลา ยามู) นำโดยนายจุรุณ ราชพล ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรฯป่าคลอก และนายฉาย สมบูรณ์ ตัวแทนกลุ่มประมงพื้นบ้านยามู ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมประมงผ่านทางนายสุนันท์ ศิริมากุล ประมงจังหวัดภูเก็ต เพื่อคัดค้านการอนุญาตสร้างท่าเทียบเรือมารีน่าแหลมยามู

สำหรับเนื้อหาของหนังสือนั้นคัดค้านดังกล่าวพอสรุปสาระสำคัญ ได้ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลตามกฎหมายเพื่อพิจารณาอนุญาตในการสร้างมารีน่าแหลมยามู มี 3 หน่วยงานหลัก คือ กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี แต่เนื่องจากทะเลและชายฝั่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน การที่หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบจะอนุญาตให้เอกชนใช้ประโยชน์ได้ก็เพียงแต่ที่กฎหมายที่กำหนดเท่านั้น

ในส่วนของกรมประมงมีพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 ซึ่งกำหนดที่จับสัตว์น้ำไว้ในมาตรา 6 จำนวน 4 ประเภท คือ ที่รักษาพืชพันธุ์ ที่ว่าการประมูล ที่อนุญาต และที่สาธารณประโยชน์ โดยมาตรา 16 ระบุว่า ที่สาธารณประโยชน์ คือ ที่จับสัตว์น้ำซึ่งบุคคลทุกคนมีสิทธิทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุกเบกษา ในมาตรา 17 ห้ามมิให้บุคคลใดปลูกสร้างสิ่งใดลงไปในที่รักษาพืชพันธุ์ ที่ว่าการประมูล ที่อนุญาต ที่มิใช้ที่ของเอกชนฯ และในมาตรา 21 ห้ามมิให้บุคคลใดแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ำฯ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.2546 ข้อ 7 (8) การเก็บหรือทำลายปะการัง ซากปะการัง หรือหินปะการัง หรือกระทำการใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายหรือผลกระทบหรือทำให้ปะการัง หรือหินปะการังถูกทำลายหรือเสียหาย

จะเห็นได้ว่าตามมาตรา 17 มิได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ หรืออธิบดีกรมประมงอนุญาตปลูกสร้างหรือก่อสร้างสิ่งใดลงในที่จับสัตว์น้ำประเภทที่สาธารณประโยชน์ แต่ให้อำนาจในการพิจารณาอนุญาตได้ตามมาตร 21 แต่การอนุญาตนั้นต้องมีข้อกำหนด คือ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ทางประมงพื้นบ้านเรียนว่าตามมาตรา 21 คำว่าการเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ำนั้นมิได้หมายความรวมถึงสิ่งปลูกสร้าง และพนักงานเจ้าหน้าที่จะอนุญาตสิ่งปลูกสร้างได้ตามมาตรที่ 17 เท่านั้น แต่มิได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่กรมประมงพิจารณาอนุญาตที่จับสัตว์น้ำประเภทที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งที่จับสัตว์น้ำประเภทสาธารณประโยชน์จะรวมถึงมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินด้วย

การที่กรมประมงจะอนุญาตให้เอกชนใช้ประโยชน์ในการปลูกสร้างลงในที่สาธารณประโยชน์จะเป็นการละเมิดสิทธิประชาชนในการใช้ประโยชน์ที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และกรมประมงอาจจะมีส่วนร่วมกันรับผิดตามกฎหมายกับเอกชนในการกระทำผิดต่อประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.2546 ข้อ 7 (8)

นอกจากนี้พื้นที่ ต.ป่าคลอก ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากจังหวัด 1.6 ล้านบาท ทำโครงการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทั้งตำบลเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชนและประชาชน หากมีการอนุญาตให้ก่อสร้างมารีน่าลงในทะเล มิเพียงเป็นการอนุญาตที่ผิดกฎหมายเท่านั้นแต่ยังกระทบต่อการฟื้นฟูทรัพยากรประมง แหล่งหญ้าทะเลและปะการังด้วย และการสร้างมารีน่าเป็นการใช้ประโยชน์เกินความจำเป็น และเพิ่มมูลค่าให้สิ่งปลูกสร้างบนฝั่ง และจังหวัดภูเก็ตยังมีโครงการที่จะสร้างมารีน่าไว้บริการนักท่องเที่ยวตามโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต จึงไม่สมควรที่จะส่งเสริมท่าเทียบเรือมารีน่าโดยไม่มีการควบคุม ซึ่งมีผลกระทบต่อฐานการผลิตทรัพยากรประมงและทำลายวิถีชีวิตชุมชน ตลอดจนผลกระทบกับความมั่นคงด้านอาหารในอนาคตซึ่งสำคัญมาก

ดังนั้นทางประมงพื้นบ้านตำบลป่าคลอก จึงขอเรียนว่าหากมีการอนุญาตให้ก่อสร้างมารีน่าดังกล่าว ทางกลุ่มฯมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีในทุกๆ ฐานความผิดที่จะดำเนินคดีได้ เพราะที่ผ่านมาได้ใช้วิธีการร้องเรียนแต่ไม่เป็นผล ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนวิธีการมิเช่นนั้นคงไม่สามารถที่จะฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ และไม่สามารถบำบัดความเดือดร้อนได้ ยกตัวอย่างกรณีเกาะแรด ต.ป่าคลอก

ทางด้านนายจุรุณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐได้ให้ชาวบ้านได้ช่วยกันดูแลทรัพยากรในอ่าวป่าคลอกจนมีความอุดมสมบูรณ์ และยังเป็นแหล่งหญ้าทะเล ปะการัง สัตว์ทะเลหายาก เช่น พะยูน เต่าทะเล เป็นต้น และยังเป็นแหล่งทำมาหากินที่สำคัญของคนในชุมชน ดังนั้นหากภาครัฐปล่อยให้เอกชนก่อสร้างก็จะเดินหน้าคัดค้านอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่นายสุนันท์ ศิริมากุล ประมงจังหวัดภูเก็ต ได้รับเรื่องไว้และจะเร่งดำเนินการส่งไปยังอธิบดีกรมประมง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกรมประมงที่ดูแลในเรื่องดังกล่าว เพราะสำหรับการขออนุญาตก่อสร้างโครงการดังกล่าวมีทั้งกลุ่มเห็นด้วยและคัดค้าน

______________________________


"จี้อี่" พาสื่อลงบ่อขยะ

(issue1) 2009616_45254.jpg

นายกนครภูเก็ตนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ฝังกลบขยะ หลังชาวบ้านเดือดร้อนจากกลิ่นที่มีการปรับปรุงหลุมฝังกลบ ยอมรับยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่ได้หาวิธีการป้องกันให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด 

            นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต พร้อมด้วยนายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีฯ สมาชิกสภาเทศบาลนครภูเก็ตบางส่วน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของการปรับปรุงบ่อฝังกลบขยะของเทศบาลฯ เนื่องจากเกิดปัญหาส่งกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชนซึ่งอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณหมู่บ้านสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก

            นางสาวสมใจ กล่าวชี้แจงว่า จากปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบกำจัดที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับได้ทั้งหมด เนื่องจากระบบเตาเผาสามารถรองรับขยะได้เพียง 250 ตันต่อวัน ส่วนของพื้นที่ฝังกลบในพื้นที่ 120 ไร่ ซึ่งนำขยะจากส่วนเกินจากเตาเผามาทำการฝังกลบเต็มชั้นมาตั้งแต่ปี 2547 และปริมาณขยะในส่วนที่เกินนั้นก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้อย่างถูกหลักสุขาภิบาล มีผลให้เกิดกลิ่น แมลงวันในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง

            แนวทางการแก้ปัญหาที่ได้กำหนดไว้  2 ระยะ คือ ระยะแรก ได้ว่าจ้าง บริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ปรับปรุงฟื้นฟูระบบฝังกลบขยะมูลฝอยเดิม ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณขยะกว่า 1 ล้านตัน โดยก่อสร้างคันดิน จัดทำระบบระบายน้ำ สร้างบ่อกำจัดขยะเพิ่มและปิดบ่อฝังกลบบางส่วน เริ่มสัญญาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2552 และสิ้นสุดสัญญาวันที่ 6 พฤศจิกายน 2553 เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถรองรับขยะได้ประมาณ 2 ปี

            ระยะที่ 2 ก่อสร้างโรงเผาขยะมูลฝอยชุมชนขนาด 600 ตันต่อวัน ซึ่งได้มีการทำสัญญาไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 โดยให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารโรงเตาเผาชุมชนดังกล่าว เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้สามารถเผาขยะได้รวมกับเตาเผาเดิมด้วยได้วันละ 850 ตัน ขณะเดียวกันก็จะต้องทำการปรับปรุงเตาเผาเดิม ซึ่งเทศบาลฯ ได้ให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำการศึกษา และได้ข้อสรุปว่าจะต้องทำการปรับปรุงเตาเผา เพื่อให้สามารถดำเนินการด้วยตนเอง โดยการผลิตพลังงานไฟฟ้าและใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด ซึ่งเทศบาลจะขอสนับสนุนจากรัฐบาลต่อไป

            อย่างไรก็ตามนางสาวสมใจ กล่าวถึงการแก้ปัญหาผลกระทบจากกลิ่นที่เกิดจากการปรับปรุงฟื้นฟูพื้นที่ฝังกลบดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ ว่า ได้ทำการฉีดน้ำหมักชีวภาพเพื่อกำจัดกลิ่นและแมลงวันก่อนและหลังการทำงาน ในการทำคันดินนั้นก็จะหาดินเพื่อทำการกลบทันที มีการจัดระบบระบายน้ำเข้าในการขนส่งดินเข้า-ออก พร้อมทั้งทำการกลบขยะใหม่และพ่นน้ำหมักชีวภาพทุกวัน

_____________________________________

  ล้างใหญ่ป่าตองหลังพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่พันธ์ใหม่ 1 ราย

แพทย์ได้ให้ยา พร้อมกักตัวอาการดีขึ้นตามลำดับ

(issue1) 2009616_45293.jpg


ภูเก็ตจัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์พื้นที่ป่าตอง หลังพบผู้ป่วยหวัด 2009 หนึ่งราย สร้างความเชื่อมั่นมาตรการเฝ้าระวัง ในขณะที่อาการผู้ป่วยดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังต้องติดตามอาการต่อเนื่อง 7 วัน

            นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต, นพ.ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลป่าตอง, พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผกก.สภ.กะทู้, นายเปี่ยน กี้สิน นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง, นายชัยรัตน์ สุขบาล รองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมสังเกตการณ์การรณรงค์ทำความสะอาดหรือบิ๊กคลีนนิ่งบริเวณซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ด้วยการฉีดพ่นสารชีวภาพล้างถนนและฉีดพ่นควันทำลายเชื้อโรค เพื่อสร้างความมั่นใจเฝ้าระวังการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009  และชิคุนกุนยา พร้อมแจกหน้ากากอนามัย โดยมีนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในบริเวณดังกล่าวให้ความสนใจสอบถามข้อมูลต่อเนื่อง

            นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงซึ่งเดินทางกลับจากภูเก็ตและพบมีการป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังจากที่ทางจังหวัดและสำนักงานสาธารณสุข ตลอดจนหน่วยงานท้องถิ่น รับทราบข่าวดังกล่าวก็ได้ลงพื้นที่เพื่อทำการสอบสวนโรค พบมีพนักงานของสถานบริการจำนวน 4 แห่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวไปใช้บริการ จำนวน 5 คน มีอาการเป็นไข้หวัด จึงได้มีการนำตัวอย่างสารคัดหลั่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการ พบป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 1 ราย ซึ่งขณะนี้ได้มีการกักตัวให้อยู่เฉพาะบริเวณที่พัก และอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่จะต้องติดตามอาการต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ส่วนของพนักงานอื่นๆ จากสถานประกอบการ 4 แห่ง จำนวนรวมประมาณ 90 คน ซึ่งได้มีการนำสารคัดหลั่งไปตรวจสอบก็ไม่พบอาการป่วยแต่อย่างใด

            การฉีดล้างถนนทำลายเชื้อโรคในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในมาตรการการฝ้าระวังและป้องกันให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก โดยเป็นความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทุกภาคส่วน ทั้งจังหวัด สำนักงานสาธารณสุข โรงพยาบาลป่าตอง เทศบาลเมืองป่าตอง สภ.กะทู้ และผู้ประกอบการ นายวรพจน์กล่าว

            ในขณะที่นายสมเพชร หมู่โสภณ ประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการบริเวณซอยบางลา มีจำนวนประมาณ 200 ราย ซึ่งที่ผ่านมาทางหน่วยงานราชการได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกคนมีความมั่นใจ และไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ยังได้ให้ความรู้และคำแนะนำกับพนักงานเกี่ยวกับการทำความสะอาดด้วยการล้างมืออย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะพนักง่านคนใดที่ป่วยเป็นไข้หวัดก็จะให้หยุดงานไว้ก่อน ส่วนของนักท่องเที่ยวเท่าที่ได้มีการพูดคุยก็มีความเข้าใจและไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด

________________________________________

  รวบอีก 4 คน พร้อมยาบ้า 8,000 เม็ด

 (issue1) 2009616_45318.jpg

ตร.ถลางรวบผู้ค้ายาบ้า 2 รายได้ของกลางกว่า 8 พันเม็ด ผู้ต้องหาจำนวน 4 คน

เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 15 มิถุนายน 2552 ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.ถลาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนางจิราภรณ์ โยชิดะ อายุ 32 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 444/22 ม.10 ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และนางคำเมือง อายุ 35 ปี สัญชาติลาว พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 5,998 เม็ด โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง หนังสือเดินทางของนางคำเมือง บัตร ATM จำนวน 6 ใบ โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ถลาง และขยายผลมาในโรงแรมพื้นที่เมือง ภูเก็ต โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

ทั้งนี้พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.ถลาง ได้กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวงมหาดไทยและทางจังหวัดภูเก็ต ให้เจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทำการกวาดล้างและจับกุมบุคคลที่มีพฤติกรรมในการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในพื้นที่ จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สอาด วงษ์เวียงจันทร์ สวป.สภ.ถลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่สายตรวจ ให้เข็มงวดในการจับกุมผู้ที่มีพฤติกรรมในการจำหน่ายยาบ้าในพื้นที่ จึงกระทั่งได้รับแจ้งจากสายว่า มีบุคคลที่เดินทางมาจาดต่างจังหวัด ได้ออกติดต่อเพื่อจำหน่ายยาบ้าในพื้นที่ จึงได้วางแผนในการจับกุม โดยให้สายขอซื้อยาบ้าจำนวน จำนวน 8 เม็ด เมื่อมีการซื้อขายทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุม จากการสอบถามทราบชื่อนางจิราภรณ์ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ควบคุมตัวมาเพื่อทำการขยายผล จนกระทั่งทราบว่า ได้เข้าพักอยู่ที่โรงแรม ทวินอินทร์ ถนนพูนผล อ.เมืองภูเก็ต ที่ห้องหมายเลข 209 จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ไดควบคุมตัวมาทำการตรวจค้นภายในห้องพัก เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึงก็เห็นมีบุคคลนั่งอยู่ในห้องรับรองของโรงแรมในท่าทางที่มีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบทราบชื่อคือนางคำเมือง เป็นชาวลาว และจากการตรวจสอบใต้โต๊ะที่นั่งอยู่นั้น เจ้าหน้าที่พบกล่องใส่ขนมเค๊กจำนวน 2 กล่อง วางอยู่ใต้โต๊ะ เจ้าหน้าทีก็ได้นำขึ้นมาตรวจศอบ โดยกล่องแรกภายในกล่องมีขนมเค๊กอยู่ภายใน และกล่องที่ 2 ซึ่งเป็นกล่องที่วางอยู่ด้านล่างเมื่อเปิดกล่องออกมาพบยาบ้าอยู่ภายในกล่องจำนวน 5,990 เม็ด จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ควบคุมตัวทั้ง 2 ขึ้นไปตรวจค้นภายในห้องพัก แต่ก็ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างไร ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวพร้อมของกลางมาสอบสวนเพิ่มเติม

ส่วนอีกรายทางเจ้าหน้าที่ได้ออกทำการตรวจค้น ตามที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่ามีการลักลอบการจำหน่ายยาบ้าให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ จากการตรวจค้นเป่าหมาย ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายวีรพงศ์ เจริญสุข อายุ 34 ปี เป็นลูกจ้างของเทศบาลตำบลเทพกระษัตรี อยู่หมู่ที่ 1 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ภูเก็ต และนางสาวเกศราพร ประกายมาศ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/1 ถ.อารีฟมรรคา อ.สุไรโก-ลก จ.นราธิวาส พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,010 เม็ด โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง โดยสามารถตรวจค้นได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 185/5 ม.4 (บ้านดอน) ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในข้อร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

_______________________________________

ชาวบ้านตำบลกะรน สุดทนผู้กำกับฉลอง

 (issue1) 2009616_61233.jpg

ที่ลานวัดสุวรรณคีรีวงศ์ (วัดกะรน) ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ชาวบ้านตำบลกะรน ประมาณ 200 คน  นำโดยนายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน นายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน ได้รวมตัวกันโจมตีการทำงานของ พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง ที่ไม่มีมาตรการป้องกันปราบปราม จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุเกี่ยวกับทรัพย์ของประชาชนรายวัน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ โดยตำรวจมุ่งแต่จับหมวกกันน็อคและรีดเก็บส่วย โดยกลุ่มชาวบ้านมีการเขียนป้ายโจมตี ว่า พิจารณา ,,,, ย้ายตัวเอง ตำรวจต้องทำงานร่วมกันภาคประชาชน ตรวจสอบการเก็บส่วย คนร้ายชุมยิงกว่ายุง ตำรวจอยู่ที่ไหน เป็นต้น โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้โอกาสในการปรับแผนทำงาน หากระยะนี้ภายใน 5-10 วัน ยังเกิดเหตุการณ์อีกก็จะรวมตัวกันที่สภ.ฉลอง หรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่อไป  

          นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน กล่าวว่า นับตั้งแต่ผู้กำกับตำรวจภูธรฉลองมารับตำแหน่ง จนถึงปัจจุบัน ท่านไม่ได้ให้ความสำคัญในการทำงานร่วมกับประชาชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น คณะกรรมการหมู่บ้าน เป็นต้น โดยเฉพาะตำบลกะรน ท่านต้องมีข้อมูลในการทำงาน เพื่อวางแผนหรือกำหนดยุทธศาสตร์การทำงานด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จากสภาพปัญหาสังคมตำบลกะรนในปัจจุบันส่งผลให้เห็นว่าในพื้นที่มีกลุ่มบุคคลเก็บส่วนเนปาล ส่วนแรงงานต่างด้าว (พม่า) ส่วนสถานบริการที่เปิดกินตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วยเปิดบ่อนการพนัน และปัญหายาเสพติด ฯลฯ ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจหวังแต่ผลประโยชน์มุ่งหน้าเก็บส่วย ส่งผลให้มีโจรผู้ร้าย โดยเฉพาะปัญหาวิ่งราวทรัพย์ งัดแงะ ลักทรัพย์ เกิดขึ้นรายวัน เหยื่อของกลุ่มคนร้าย มีทั้งนักท่องเที่ยว-ชาวบ้านในพื้นที่ที่หาเช้ากินค่ำ ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเกินกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมได้ ชาวบ้านในตำบลกะรนขาดความเชื่อมั่น เกิดความผวา หาความมั่นคงในด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินไม่ได้ ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกัน เรียกร้องให้ พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ได้พิจารณาย้ายออกนอกพื้นที่และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสรรหาบุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีศักยภาพมากกว่า ผกก.คนปัจจุบัน มาทำหน้าที่แทน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป

          ด้านนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน กล่าวว่า ขณะนี้เหตุวิ่งราวทรัพย์ งัดแงะ ลักทรัพย์ เกิดขึ้นบ่อยครั้งในตำบลกะรน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ดังกล่าวหรือมีแต่นานๆครั้ง ขณะนี้ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตํารวจออกตรวจพื้นที่ด้วยรถตราโล่ โจรเห็นก็หนีหมด แล้วจะจับใครได้ เป็นเหมือนบอกโจรกลายๆ ว่า ตำรวจมาแล้ว  ตู้แดงที่ติดอยู่ตามสถานที่ต่างๆก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ เมื่อประชาชนโทรไปแจ้งเหตุก็ไม่มีการรับสาย หากรับสายก็จะขู่ตะคอกชาวบ้าน  ผู้กำกับ สภ.ฉลอง ต้องอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้าง ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านต้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินกันเองและมีโครงการเครือข่ายตาสับปะรด ที่มีให้ชาวบ้านดูและและป้องกันชุมชนเอง ตนถือว่าดีมาก และจะขายายเครือข่ายออกไปให้ควบคุมทั้งตำบลกะรน

พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า หลังจากเกิดภาวะเศรษฐกิจโลก ตนเองยอมรับว่ามีเหตุวิ่งราวทรัพย์ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการติดตามจับกุมคนร้ายแล้ว และจะปรับแผนในการทำงานเชิงรุก พบปะผู้นำท้องถิ่นให้ประชาชนมีส่วนร่วม ส่วนที่ชาวบ้านร้องเรียนว่ามีการจับหมวกกันน็อค ตนจะรณรงค์ สร้างจิตสํานึกให้ประชาชน และสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดจับกุมเป็นระยะเวลา 2 เดือน และจะประชุมพบปะผู้นำท้องถิ่นทุก 15 วัน เพื่อบอกผู้นำท้องถิ่นว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอะไรไปบ้างแล้ว  ทางกลุ่มชาวบ้านก็พอใจได้แยกย้ายกันในเวลาต่อมา และหากในระยะเวลา 5-10 วันนี้ หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก ก็จะเดินบุกที่สภ.ฉลอง หรือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาระดังสูงต่อไป

______________________________________________________

  

สตีเฟน นักวิ่งปอดเหล็กจากออสเตเรีย

คว้าแชมป์ ลากูน่า ภูเก็ต มาราธอน เป็นสมัยที่ 2

(issue1) 2009616_65158.jpg 

สำหรับการแข่งขันลากูน่า ภูเก็ต มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2552 โดยชุดแรกถูกปล่อยตัวเมื่อเวลา 04.00 น.สำหรับนักวิ่งที่คาดว่าจะต้องใช้เวลา 4 - 7 ชั่วโมง ในการวิ่งมาราธอนระยะทาง 42 กิโลเมตร จากนั้นในเวลา 05.00 น.ได้มีพิธีการปล่อยตัวการแข่งขันลากูน่า ภูเก็ต มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2552 อย่างเป็นทางการ จากนั้นในเวลา 06.00 น.ปล่อยตัวฮาร์ฟมาราธอน และมินิมาราธอน และในเวลา 08.00 น. ได้มีการปล่อยตัวเดิน 5 กิโลเมตร ซึ่งในปีนี้มีนักกีฬาทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 4500 คน จาก 25 ประเทศ โดยมีนักกีฬาต่างชาติมาจากประเทศสิงคโปร์เข้าร่วมแข่งขันมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีพนักงานจาก บริษัทในเครือลากูน่าเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 250 คน โดยรายได้ส่วนจากการแข่งขันในครั้งนี้ จะนำไปช่วยพัฒนาโรงเรียนบ้านคลองใส  จังหวัดพังงา

โดยผลการแข่งขันในครั้งนี้ สตีเฟน เพนน์ นักวิ่งจากประเทศออสเตรเลีย สามารถคว้าแชมป์ประเภทมาราธอนไปครอง ซึ่งในครั้งนี้เป็นการคว้าแชมป์ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 39 นาที 23 วินาที อันดับ2 ได้แก่ นายอำนวย ทองมิตร จากประเทศไทย ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 3 นาที 36 วินาที และอันดับที่ 3 ได้แก่ ชาร์ส คริสเตนเซน จากนอร์เวย์ ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 4 นาที 56 วินาที

ส่วนผู้ชนะการแข่งขันมาราธอนประเภทหญิง ได้แก่ คัชเชอร์ ฟิงค์ จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ด้วยเวลา  3 ชั่วโมง 34 นาที 4 วินาที ส่วนอันดับ 2 คือ ลีซ่า ซิมมอนน์ จากประเทศแคนนาดา ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 35 นาที 8 วินาที และอันดับ 3 ได้แก่ มามิโกะ เบอร์เกอร์ จากญี่ปุ่น ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 40 นาที 44 วินาที

สำหรับฮาร์ฟมาราธอน ชนะเลิศ ได้แก่ เซนดริก แอ๊บซี่ ลอยชัด จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 16 นาที 47 วินาที อันดับสอง ได้แก่ พอล คิซุมบ้า วาโย้ค จากเคนย่า ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 18 นาที 1 วินาที และอันดับสาม ได้แก่ นักกีฬาชาวไทย สมโชค แจ้งวัง ด้วยเวลาเวลา 1 ชั่วโมง 18 นาที 6 วินาที

และฮาร์ฟมาราธอนหญิง อันดับ 1 ได้แก่ พัชรี ชัยทองศรี จากประเทศไทย ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 25 นาที 23 วินาที อันดับ 2 ได้แก่ วิเวียน ถัน ด้วยเวลา 01 ชั่วโมง 25 นาที 35 วินาที และอันดับ 3 ได้แก่ บริท วิคตอเรีย ฮิล จากสิงค์โปร์ ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที 42 วินาที

_________________________________________

นศ.มรภ.ศึกษาวัฒนธรรมจีนนครคุนหมิง

                 (issue1) 2009619_37567.jpg(issue1) 2009619_37585.jpg

              นักศึกษาโปรแกรมวิชาภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ร่วมโครงการภาษาและวัฒนธรรมจีน ณ นครคุนหมิง ในการนี้ได้เดินทางไปศึกษา ณ มหาวิทยาลัยยูนาน ทั้งนี้มหาวิทยาลัยยูนานได้จัดให้มีการเรียนการสอนภาษาจีน เน้นการเรียนภาษาด้านทักษะการฟังและพูด การเรียนและฝึกปฏิบัติทางด้านวัฒนธรรมจีน เช่น รำไทเก็ก วาดภาพพู่กันจีน  ศิลปะการเขียนอักษรจีน การขับร้องเพลงพื้นบ้านจีน และศิลปะการชงชาแบบจีน ทั้งนี้ในช่วงวันหยุด (เสาร์-อาทิตย์) นักศึกษาได้ไปทัศนศึกษา ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของคุนหมิง ได้แก่ วัดหยวนทง ซึ่งเป็นวัดในศาสนาพุทธ ที่ใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในนครคุนหมิง หมู่บ้านชนกลุ่มน้อย มีการรวบรวมวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชนกลุ่มน้อย ถึง 26 ชนเผ่า การไปชมวิหารสำริดจินเตี้ยน เป็นวิหารของลัทธิเต๋า ทำจากโลหะสำริด  ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เขาซีซาน ยอดเขาที่สูงที่สุดของคุนหมิง บนยอดเขามีประตูมังกร ให้ผู้มาเยือนได้ลอดผ่านแล้วลูบลูกแก้วมังกร เพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ เมื่อมองจากยอดเขาซีซานจะเห็นทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบเตียนฉือ สวนสาธารณะต้ากวนโหลว สวนสาธารณะใหญ่ที่สุดในนครคุนหมิง ภายในมีหอต้ากวนโหลว ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ดังแห่งหนึ่งของจีน ป่าหินเป็นมรดกทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงโด่งดังของจีนแห่งหนึ่ง ทำให้นักศึกษาที่เดินทางไปศึกษาดูงานได้รับความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรมของจีนมากยิ่งขึ้น

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 9,668 Today: 3 PageView/Month: 10

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...